สำนักงานของเราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ และจะไม่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการใช้ จะมีการขอความยินยอมล่วงหน้า
สำนักงานของเราจะทำการเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อกำหนดในทางกฎหมายและการให้ความยินยอมของผู้ให้ข้อมูล โดยไฟล์ข้อมูลส่วนตัวมีดังต่อไปนี้
วัตถุประสงค์ในการเก็บรักษา | การเก็บรักษาผลการลงทะเบียนตามการลงทะเบียนขออนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ | ||
---|---|---|---|
กฎหมายที่ใช้ | กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองมาตรา 7-3 (การอนุมัติการเดินทางล่วงหน้า) คำสั่งให้บังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 101(ข้อมูลอันละเอียดอ่อนและการจัดการข้อมูลเฉพาะ) | ||
วิธีการเก็บรวบรวม | ออนไลน์ (ผู้ให้ข้อมูลยินยอม) | ระยะเวลาในการเก็บรักษา | กึ่งถาวร |
รายการการบันทึก | [จำเป็น] รูปถ่ายหน้าตรง, ข้อมูลอีเมล, สัญชาติ, เพศ, ชื่อ-สกุล(ชื่อเต็ม), วันเดือนปีเกิด, หมายเลขหนังสือเดินทาง, วันหมดอายุของหนังสือเดินทาง, ข้อมูลการถือหลายสัญชาติ, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ, ประวัติการเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลี, วัตถุประสงค์ในการเข้าประเทศและข้อมูลบริษัทนำเที่ยว, ข้อมูลสถานที่พัก, อาชีพ, ข้อมูลโรคประจำตัว, ข้อมูลประวัติอาชญากรรม [ตัวเลือก] หนังสือเดินทางหน้าข้อมูลส่วนตัว, ระยะเวลาที่พำนัก |
ที่อยู่ IP ที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ต, คุกกี้, ที่อยู่ MAC, บันทึกการใช้บริการ, ข้อมูลการเข้าถึง เป็นต้น โดยรายการข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกสร้างและรวบรวมโดยอัตโนมัติ
1. สำนักงานของเราจะทำการแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอกทราบในกรณีที่ผู้ให้ข้อมูลยินยอม หรือเป็นกรณีที่เป็นไปตามข้อกำหนดพิเศษตาม「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 17 และ มาตรา 18 เท่านั้น
2. กรณีที่สามารถแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมให้แก่บุคคลภายนอกทราบเพื่อการใช้งานที่อยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์ตาม「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 18 นั้น สามารถตรวจสอบกฎหมายที่บังคับใช้ วัตถุประสงค์และขอบข่าย และข้อมูลอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์หลักของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน กรม และสำนักงานใหญ่ได้
ชื่อบริษัทที่รับมอบหมาย | สิ่งที่มอบหมาย | แผนกที่รับผิดชอบ |
---|---|---|
บริษัท ซิสวอน จำกัด | การจัดการดูแลการรักษาไว้ซึ่งระบบข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้าออกประเทศโดยรวมและกิจการที่บริหาร (2021- 2022) | สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโซล กองชาวต่างชาติ (ศูนย์ข้อมูลคนเข้าเมือง) |
2. เมื่อทำสัญญามอบหมายให้จัดการ ได้มีการระบุมิให้มีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้รับมอบหมายตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 26 และมีการระบุให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันด้านเทคนิคและการจัดการ การห้ามมิให้มอบหมายช่วง การชดใช้ค่าเสียหาย รวมทั้งข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้อย่างชัดเจน และมีการตรวจสอบว่าผู้รับมอบหมายได้จัดการข้อมูลส่วนบุคคลด้วยความปลอดภัยหรือไม่
3. กรณีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของการมอบหมายให้จัดการงานหรือมีการเปลี่ยนแปลงผู้รับมอบหมาย หรือมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลจะมีการแจ้งผ่านทางประกาศของทางเว็บไซต์และอื่นๆ
ผู้ให้ข้อมูลสามารถใช้สิทธิได้ดังต่อไปนี้ และในกรณีของเด็กที่มีอายุต่ำ กว่า 14 ปีผู้แทนตามกฎหมายสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กได้
ท่านสามารถร้องขออ่านสำรวจข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานของเราได้ตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 35 อย่างไรก็ตาม การร้องขออาจถูกจำกัดตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 35 วรรค 4 ได้
ท่านสามารถร้องขอให้แก้ไขหรือลบข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานของเราได้ตาม「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 36 อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานจะไม่สามารถลบข้อมูลที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าให้รวบรวมไว้ได้
ท่านสามารถร้องขอให้หยุดการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานของเราได้ตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 อย่างไรก็ตามทางสำนักงานสามารถปฏิเสธการหยุดการจัดการตามกรณีที่ระบุไว้ใน 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 37 วรรค 2 แต่ละอนุมาตรา
4. ผู้ให้ข้อมูลสามารร้องขออ่านสำรวจ แก้ไข ลบ หยุดการจัดการได้โดยการยื่นแบบฟอร์มหมายเลข 8 ตามที่แนบมาใน 「กฎการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 โดยตรง โดยทำเป็นเอกสาร ทางโทรศัพท์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรสาร (แฟกซ์) และอื่นๆแก่แผนกจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตามข้อที่ 2 ซึ่งทางแผนกจะแจ้งผลตาม แบบฟอร์มหมายเลข 9 และหมายเลข 10 ตามที่แนบมาใน 「กฎการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 ภายใน 10 วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ
5. กรณีที่ผู้ให้ข้อมูลมีข้อโต้แย้งในผลของการดำเนินการด้านการอ่านสำรวจ ให้แก้ไข ลบ หยุดการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล สามารถลงทะเบียนใหม่ได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ และหากมีข้อโต้แย้งเพิ่มเติม สามารถร้องขอให้มีการพิจารณาคดีทางปกครองได้
ก. ยื่นอุทธรณ์ด้วยเอกสาร ทางโทรศัพท์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และวิธีอื่นๆ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่แผนกจัดการข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งผลการดำเนินการ
ข. แผนกจัดการข้อมูลส่วนบุคคลทำการพิจารณาใหม่
ค. พนักงานผู้รับผิดชอบด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานเราทำการพิจารณาผลการพิจารณาใหม่ของแผนกจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
ง. แจ้งผลการพิจารณาของแผนกจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
6. กรณีที่ตัวแทนหรือผู้รับมอบอำนาจของผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้ร้องขออ่านสำรวจ ให้แก้ไข ลบ หยุดการจัดการจะต้องยื่นหนังสือมอบอำนาจตามแบบฟอร์มหมายเลข 11 ตามที่แนบใน 「กฎการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」
7. เมื่อมีการร้องขออ่านสำรวจ ให้แก้ไข ลบ หยุดการจัดการตามสิทธิของผู้ให้ข้อมูล ทางสำนักงานของเรามีการตรวจสอบว่าผู้ที่ร้องขออ่านสำรวจและอื่นๆเป็นผู้ให้ข้อมูลเองหรือเป็นตัวแทนที่ถูกต้องหรือไม่
8. กรณีที่มีการร้องขอให้แก้ไข หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลเนื่องจากมีข้อมูลที่ผิดพลาด จะไม่มีการใช้หรือแจ้งข้อมูลดังกล่าวจนกว่าจะทำการแก้ไขหรือลบจนเสร็จสิ้น
โดยทั่วไปแล้ว ทางสำนักงานของเราจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลทันทีโดยมิล่าช้าในกรณีที่ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลสิ้นสุดลงหรือมีการบรรลุวัตถุประสงค์การจัดการเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากต้องทำการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้อย่างต่อเนื่องตามกฎหมาย ทางสำนักงานจะทำการย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (หรือไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคล)ไปยังฐานข้อมูล(DB)ที่แยกต่างหากหรือแยกเก็บรักษาไว้ในที่เก็บอื่น
ข้อมูลส่วนบุคคลและไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนเพื่อการทำลาย จะมีการจัดการตามแนวทางภายใต้ความรับผิดชอบของพนักงานผู้รับผิดชอบด้านข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- การทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระยะเวลาในการเก็บรักษาได้ผ่านไปแล้ว จะถูกทำลายโดยมิล่าช้าในวันที่สิ้นสุดระยะเวลา
- การทำลายไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่บรรลุวัตถุประสงค์การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว, กรณียกเลิกบริการที่เกี่ยวข้อง, การประกอบธุรกิจสิ้นสุดลง และกรณีอื่นที่ทำให้ไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลไม่เป็นที่จำเป็นอีกต่อไป จะทำการการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิล่าช้านับตั้งแต่วันที่เป็นที่ยอมรับแล้วว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นอีกต่อไป
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่พิมพ์ลงในกระดาษ จะทำลายด้วยเครื่องทำลายกระดาษหรือด้วยการเผา
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกบันทึกไว้ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ จะลบด้วยวิธีทางเทคนิคที่ไม่สามารถทำให้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้
สำนักงานของเรามีการดำเนินการด้านเทคนิค การจัดการ และวัตถุที่มีความจำเป็นในการเพิ่มความปลอดภัยตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 29 ดังต่อไปนี้
「มาตรฐานการดำเนินการเพิ่มความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคล」 (ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
ข้อมูลส่วนบุคคลจะมีการจัดเก็บและการจัดการที่ปลอดภัยโดยจัดให้มีการตั้งรหัสผ่าน และมีการใช้ฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยที่ต้องใช้รหัสผ่านเพื่อการจัดเก็บและส่งข้อมูลที่สำคัญ
ศูนย์ของเราใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางการให้ การเปลี่ยน การยกเลิกสิทธิในการเข้าถึงระบบการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและมีการใช้ระบบสกัดกั้นการบุกรุกเพื่อควบคุมการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากภายนอก
ศูนย์ของเราจะทำการเก็บข้อมูลและจัดการบันทึกการเข้าถึงระบบการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปี
ศูนย์ของเราติดตั้งโปรแกรมเพื่อความปลอดภัยและทำการสร้างใหม่และตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือไวรัสคอมพิวเตอร์
ศูนย์ของเราแยกสถานที่ที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นวัตถุของระบบการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลไว้ต่างหาก และมีการดำเนินการจัดการขั้นตอนควบคุมการเข้าออก
ศูนย์ของเรากำหนดและจัดการพนักงานที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความจำเป็นเท่านั้น และมีการจัดการอบรมพนักงานที่ดูแลเพื่อการจัดการที่ปลอดภัย
1. เพื่อการให้บริการที่เหมาะสมกับผู้ใช้รายบุคคล ทางสำนักงานของเรามีการบันทึกข้อมูลการใช้ และ “คุกกี้ (Cookies) “ ที่นำมาใช้บ่อย
2. คุกกี้คือข้อมูลจำนวนน้อยที่เซิร์ฟเวอร์ (http) ที่จัดการเว็บไซต์ ส่งไปยังเบราเซอร์คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน และมีการบันทึกลงในฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานเช่นกัน
○ วัตถุประสงค์ในการใช้คุกกี้: ใช้เพื่อรับรู้การเข้าถึงแต่ละบริการและเว็บไซต์ รวมถึงลักษณะการใช้งาน คำที่ค้นหาบ่อย การเข้าถึงความปลอดภัย เป็นต้น เพื่อการให้บริการที่เหมาะสมมากที่สุดแก่ผู้ใช้งาน
○ การปฏิเสธการติดตั้งและจัดการคุกกี้: ท่านสามารถปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ได้โดยไปที่เครื่องมือด้านบนของเว็ปเบราเซอร์>ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต>ตั้งค่าตัวเลือกเมนูข้อมูลส่วนบุคคล
○ กรณีปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ อาจเกิดความยากลำบากในการใช้บริการที่เหมาะสมกับรายบุคคลได้
ผู้ให้ข้อมูลสามารถขอความช่วยเหลือจากการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยการขอคำปรึกษาหรือระงับข้อพิพาทได้ที่ศูนย์แจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล คณะกรรมการส่งเสริมด้านอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย และคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
1. ศูนย์แจ้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล: (ไม่มีรหัสพื้นที่) 118 (privacy.kisa.or.kr)
○ งานที่รับผิดชอบ: แจ้งข้อเท็จจริงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล, ขอรับคำปรึกษา
2. คณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านข้อมูลส่วนบุคคล: 1833-6972 (www.kopico.go.kr)
○ งานที่รับผิดชอบ: ขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านข้อมูลส่วนบุคคล, การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแบบกลุ่ม (แก้ปัญหาทางแพ่ง)
3. แผนกสืบสวนสอบสวนด้านไซเบอร์ สำนักงานอัยการสูงสุด: (ไม่มีรหัสพื้นที่) 1301 cid@spo.go.kr (www.spo.go.kr)
4. กรมความปลอดภัยด้านไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ: (ไม่มีรหัสพื้นที่) 182 (cyberbureau.police.go.kr)
นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิหรือผลประโยชน์จากคำตัดสินหรือการละเว้นการกระทำการของรัฐมนตรีของหน่วยงานของรัฐในเรื่องการร้องขออ่านสำรวจ ให้แก้ไข ลบ หยุดการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล สามารถร้องขอให้มีการพิจารณาทางปกครองตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความปกครองกำหนด
※ อ้างอิงถึงเว็บไซต์คณะกรรมการพิจารณาด้านปกครองกลาง (www.simpan.go.kr)
1. ผู้ให้ข้อมูลสามารถร้องขออ่านสำรวจข้อมูลส่วนบุคคลแก่แผนกที่ดูแลตามที่กำหนดไว้ตามมาตรา 11 ได้ตาม 「กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล」 มาตรา 35 ซึ่งสำนักงานของเราจะพยายามจัดการคำร้องขออ่านสำรวจอย่างรวดเร็ว
2. นอกจากการยื่นร้องขออ่านสำรวจแก่แผนกที่รับยื่นและจัดการตามวรรคที่ 1 แล้วผู้ให้ข้อมูลยังสามารถยื่นร้องขออ่านสำรวจข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่เว็บไซต์ ‘พอร์ทัลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล’ของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (www.privacy.go.kr) ได้เช่นกัน
พอร์ทัลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล> ส่วนประชาชน> ร้องขออ่านสำรวจข้อมูลส่วนบุคคล และอื่นๆ
สำนักงานของเรามีการกำหนดผู้รับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ด้านธุรการเพื่อรับผิดชอบการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการจัดการข้อสงสัยและความไม่พึงพอใจดังต่อไปนี้
1. ผู้รับผิดชอบ : ฮยอนซุก อัน (keta@korea.kr)
2. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานผู้รับผิดชอบ : ซองอิล ลี(keta@korea.kr)
แนวทางการจัดการข้อมูลส่วบุคคลมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่บังคับใช้ กรณีที่มีเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไปจากการเพิ่มเติม ลบ และแก้ไขตามกฎหมายและนโยบายจะมีการแจ้งผ่านทางประกาศภายใน 7 วัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง
วันที่บังคับใช้: 3 พฤษภาคม 2564